การวัด Body Composition Analyzer
(วิเคราะห์องค์ประกอบภายในร่างกาย จากเครื่องชั่งน้ำหนักดีๆ)
หลายคนคงเคยไปวัดน้ำหนัก ที่มีแผ่นกระดาษข้อมูลอะไรออกมายาวเหยียดแล้วสงสัย เหมือนฟ้า ... ฟ้าจึงแสดงบทความตีความข้อมูลคร่าวๆค่ะ
- มวลไขมันในร่างกาย (Fat Mass): ปริมาณไขมันที่สะสมตามร่างกาย (กิโลกรัม) การลดน้ำหนักที่ถูกต้อง มวลไขมันจะต้องลดลงในสัดส่วนที่มากกว่ามวลกล้ามเนื้อ
- %FAT อัตราของไขมันที่มีในร่างกาย ปกติแล้วยิ่งมีน้อยยิ่งดี แต่ ๆ ๆ ผู้หญิงเราควรจะมีไขมันติดตัวไว้บ้าง เพราะว่ากระบวนการทำงานของร่างกายต้องการไขมันนั้นเช่นกัน ดังนั้นตามการวิจัยว่ากันว่า %ไขมันที่ควรมีจะเป็นตามตารางนี้ อย่างในรูป % fat อยู่ที่ 24.9 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ปกติสำหรับคนอายุ 35 ปี

จากรูป ผู้หญิงที่อายุ20-39ปี ควรมี%fat ราว 21-33% .. อายุ40-59ปี ควรมี 23-34% .. อายุ60-79ปี มี 24-36%
- ----------------------------------
- น้ำหนักของร่างกายส่วนที่ไร้ไขมัน (Free Fat Mass: FFM): คือเอาน้ำหนักตัวลบด้วยน้ำหนักไขมันนั่นแหล่ะ หรือคือผลรวมของมวลกล้ามเนื้อ มวลกระดูกและน้ำ (กิโลกรัม)
- มวลกล้ามเนื้อ (Muscle Mass): น้ำหนักของกล้ามเนื้อในร่างกาย (กิโลกรัม) การสูญเสียกล้ามเนื้อ 1 ปอนด์ (ประมาณ0.45kg) จะทำให้การเผาผลาญลดลงประมาณ 50 แคลอรี่
- น้ำหนักของน้ำในร่างกาย (Total Body Water: TBW): ปริมาณน้ำในร่างกาย โดยแสดงในหน่วยกิโลกรัม
- เปอร์เซ็นต์น้ำในร่างกาย (Total Body Water %: TBW %): สัดส่วนของน้ำในร่างกายเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัวทั้งหมด โดยน้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญของเซลล์และสำคัญต่อขบวนการต่างๆ ในร่างกาย เราควรดูแลให้ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่แนะนำ (ระดับปกติควรจะอยู่ที่ 45 – 60% ของน้ำหนักตัวทั้งหมดสำหรับผู้หญิง.. และ 50 – 65% สำหรับผู้ชาย) (เมื่อเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้น เปอร์เซ็นต์น้ำมีแนวโน้มลดลง บางครั้งหากน้อยมากอาจไม่แสดงผล)
- มวลกระดูก (ฺBone Mass): น้ำหนักของกระดูกในร่างกาย (กิโลกรัม)
---------------------------------------------------------
- อัตราการเผาผลาญขั้นพื้นฐาน (Basal Metabolic Rate: BMR): เป็นค่าการใช้พลังงานพื้นฐานของร่างกาย เช่น การหายใจ การไหลเวียนเลือด เป็นต้น ไม่รวมพลังงานที่ใช้อื่นๆ เช่น เดิน วิ่ง ..ดังนั้นการลดอาหารเพื่อลดปริมาณแคลอรี่ที่รับประทานต่อวันควรลดลงไม่เกิน 20-25% ของค่า BMR
-
โดยปกติแล้วกิจกรรมในแต่ละวันจะใช้พลังงานประมาณ 15% ของ BMR นี่คือพลังงานที่เราควรกินเข้าไปเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ถ้าเรากินพอดีโดยไม่ออกกำลังกายเพิ่ม เราก็จะรักษาน้ำหนักตัวแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
แต่ถ้าเราออกกำลังกายเพิ่ม เราก็ควรกินเพิ่มประมาณ 500 kcal ต่อวัน ซึ่งจะส่งผลให้เราลดน้ำหนักประมาณ 0.5กิโลกรัมต่อสัปดาห์ แต่เราก็ไม่ควรกินน้อยกว่าเกิน เพราะร่างกายจะไปดึงเอามวลกล้ามเนื้อและน้ำมาใช้แทน
- --------------------------
- อายุเทียบกับอัตราการเผาผลาญ (Metabolic Age): เป็นค่าที่แสดงว่าอัตราการเผาพลาญปัจจุบันและมวลกล้ามเนื้อที่วัดได้เทียบเท่ากับอายุเท่าใด ซึ่งถ้าค่าอายุมากกว่าอายุจริง หมายความว่าการเผาผลาญและมวลกล้ามเนื้อของร่าง กายนั้นน้อยเกินไป ต้องดูแลเพื่อให้การเผาผลาญดีขึ้น โดยการออกกำลังกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ
- ------------------------------
- ระดับไขมันที่เกาะตามอวัยวะภายในช่องท้อง (Visceral Fat rating): ไขมันที่สะสมตามอวัยวะภายในช่องท้อง หากมีมากจะมีผลเพิ่มความเสี่ยงโรคเรื้อรัง แนะนำให้ดูแลให้อยู่ในระดับปกติ สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่างแนะนำให้ดูแลระดับไขมันสะสมที่หน้าท้อง โดย หญิง แนะนำไม่เกิน 3 / ชาย แนะนำไม่เกิน 5 (กรี๊ดดด ตัวนี้สำคัญมาก .. ตามไปอ่านอีกบทความนึงในเวปฟ้านะคะ)
- -----------------------------
- ดัชนีมวลกาย (ฺBMI): เป็นค่าที่คำนวณได้จาก น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) หาร (ส่วนสูง) ยกกำลัง 2 ...ค่า BMI มาตรฐาน = 22 หากสูงกว่านี้มีโอกาสเกิดปัญหาน้ำหนักตัว แต่อย่างไรก็ตามแนะนำให้ตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ไขมันที่วัดได้ เพื่อการประเมินปัญหารูปร่างที่ถูกต้องมากขึ้น
- น้ำหนักตัวที่เหมาะสม (Ideal Body Weight): ค่าที่ได้จากการคำนวณ เพื่อให้ได้น้ำหนักตัวที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับส่วนสูง ตามมาตรฐานค่า BMI
- ระดับความอ้วน (Degree of Obesity): ค่าที่คำนวณจาก (น้ำหนักตัว - น้ำหนักตัวที่เหมาะสม) ส่วนน้ำหนักตัวที่เหมาะสมแล้ว x100
- ระดับไขมันที่เหมาะสม (Desirable Range): ค่าเปอร์เซ็นต์ไขมันและมวลไขมัน (กิโลกรัม) ที่เหมาะสมตามช่วงอายุและเพศ
- เกณฑ์ชี้วัด (Indicator): การแปลผลแต่ละค่าเมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน

(-): ต่ำกว่าเกณฑ์
(0): ปกติ
(+): สูงกว่าเกณฑ์
(++): สูงกว่าเกณฑ์มาก
